รถยนต์ยี่ห้อ Kia เทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เข้าถึงได้

รถยี่ห้อ Kia

เทคโนโลยียานยนต์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว รถยี่ห้อ Kia ได้พลิกโฉมวงการด้วยการนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันราคาแพง ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวน เพียงแค่ชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกเดินทาง คุณก็พร้อมลุยได้ทุกที่ พร้อมสัมผัสความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง นี่คือประสบการณ์ที่ รถยี่ห้อ Kia พร้อมมอบให้กับคุณและครอบครัว

เทคโนโลยีที่ทำให้ รถยี่ห้อ Kia โดดเด่น

รถยี่ห้อ Kia

Kia ไม่เพียงแค่ผลิตรถยนต์ แต่ยังสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และมีความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีเด่น ๆ ที่ทำให้ รถยี่ห้อ Kia แตกต่างจากแบรนด์อื่นมีดังนี้:

  • ระบบขับเคลื่อนพลังงานทางเลือก – Kia นำเสนอตัวเลือกหลากหลายทั้งรถไฟฟ้า 100% (EV), ไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ให้คุณเลือกตามความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
  • แพลตฟอร์ม E-GMP – แพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า ที่ใช้กับ Kia EV รุ่นใหม่ อย่าง EV5 และ EV9 ทำให้พื้นห้องโดยสารเรียบและกว้างขวางกว่ารถทั่วไป พร้อมเพิ่มสมรรถนะการขับขี่และระยะทางต่อการชาร์จ
  • ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) – ชุดเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เช่น ระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบช่วยรักษาเลนอัตโนมัติ, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง

นอกจากนี้ Kia ยังนำเสนอดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตามแนวคิด “Opposites United” ที่ผสมผสานความสวยงามทันสมัยเข้ากับประโยชน์ใช้สอย ทำให้ได้รถที่ทั้งสวยและใช้งานได้จริง สะท้อนให้เห็นในทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Kia EV หรือรุ่นเครื่องยนต์สันดาปปกติ

เทคโนโลยีในรถไฟฟ้า Kia

รถไฟฟ้า Kia ถูกพัฒนาขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่อนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืน ครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้การใช้รถไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มีประสบการณ์ เทคโนโลยีเด่นในกลุ่มนี้ประกอบด้วย:

  • แบตเตอรี่ที่วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จ – Kia EV9 วิ่งได้ไกลสุดถึง 680 กม. (NEDC) หรือ 505 กม. (WLTP) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขณะที่ EV5 มีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่วิ่งได้ 400-540 กม. (WLTP) ช่วยลดความกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างทาง
  • ระบบ V2L (Vehicle to Load) – ฟีเจอร์สุดเจ๋งที่ทำให้รถไฟฟ้า Kia เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าว เครื่องปั่น คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่เครื่องทำกาแฟ เหมือนมีปลั๊กไฟติดตัวไปทุกที่
  • ระบบชาร์จเร็ว – รองรับการชาร์จไฟกระแสตรง (DC Fast Charging) ที่ชาร์จจาก 10-80% ในเวลาเพียง 30-40 นาที เช่น EV5 รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 141 kW ทำให้การเดินทางไกลสะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ รถ SUV ไฟฟ้า อย่าง EV5 และ EV9 ยังมีระบบ Regenerative Braking ที่ชาร์จพลังงานกลับเข้าแบตเตอรี่เมื่อเบรกหรือปล่อยคันเร่ง พร้อมระบบปรับระดับความแรงของการชาร์จกลับผ่าน Paddle Shift ที่พวงมาลัย ทำให้ขับง่ายและเพิ่มระยะทางต่อการชาร์จ

ห้องโดยสารอัจฉริยะสุดหรูหรา

รถยี่ห้อ Kia

Kia เข้าใจความต้องการของครอบครัวไทยเป็นอย่างดี จึงออกแบบห้องโดยสารที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ทุกการเดินทางเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจสำหรับทุกคน ฟีเจอร์ที่โดดเด่นในห้องโดยสารของ รถยี่ห้อ Kia มีดังนี้:

  • หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ – หน้าปัดดิจิตอลและจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อไร้รอยต่อ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่วยให้ใช้งานแอปโปรดและนำทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย
  • ระบบชาร์จไร้สายและพอร์ต USB รอบคัน – ชาร์จโทรศัพท์ไร้สายบนคอนโซลกลาง พร้อมพอร์ต USB กระจายทั่วรถทั้งแถวหน้า แถวกลาง และแถวหลัง ทำให้ไม่ต้องแย่งชาร์จแบตอีกต่อไป
  • เบาะ Relaxation Seat และ Captain Seat – เบาะนั่งสุดหรูที่ปรับเอนได้เกือบเป็นเตียงนอน พร้อมที่พักขาไฟฟ้า (ในรุ่น EV9 และ Carnival SXL) ให้คุณเอนกายพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ระหว่างรอชาร์จหรือเดินทางไกล

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น โต๊ะพับหลังเบาะคนนั่งด้านหน้า (EV5 Earth Exclusive AWD) สำหรับทานอาหาร ทำงาน หรือทำกิจกรรม, ลิ้นชักอเนกประสงค์พร้อมฟังก์ชันปรับอุณหภูมิ 5-55 องศา, ซันรูฟพาโนรามาขนาดใหญ่ที่ให้แสงธรรมชาติเข้าถึงทุกที่นั่ง และระบบปรับอากาศแยกโซนที่มีช่องลมสำหรับผู้โดยสารแถวสองและสาม

รุ่นยอดนิยมที่รวมเทคโนโลยีล้ำสมัย

รถยี่ห้อ Kia มีหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ครอบครัวเล็กไปจนถึงครอบครัวใหญ่ จากผู้ที่ชอบความสปอร์ตไปจนถึงคนที่เน้นความหรูหรา มาดูกันว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณ:

Kia EV5 – รถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ฟีเจอร์ครบ

Kia EV5 เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับครอบครัวที่อยากก้าวเข้าสู่โลกยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยขนาดกะทัดรัดที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองแต่ภายในกว้างขวางเกินตัว เริ่มต้นเพียง 1,299,000 บาท มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับชีวิตประจำวัน:

  • 4 รุ่นย่อยให้เลือก – Light, Air, Earth Long Range และ Earth Exclusive AWD เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการและงบประมาณ
  • ระยะทางไฟฟ้าที่เพียงพอ – วิ่งได้ไกลถึง 490-665 กม. (NEDC) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • พื้นที่เก็บของจุใจ – ห้องเก็บสัมภาระขนาด 513 ลิตร พร้อมช่องเก็บของหน้ารถ (frunk) เพิ่มเติม
  • ซันรูฟพาโนรามา – เพิ่มบรรยากาศโปร่งสบายให้ห้องโดยสาร (ยกเว้นรุ่น Light)
  • ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ – เทคโนโลยีล้ำสมัยเฉพาะรุ่น Earth

รุ่น Earth Exclusive AWD โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, ลำโพง Harman Kardon 8 จุด, ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (HUD) และโต๊ะอเนกประสงค์พับได้ที่ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังทำกิจกรรมหรือทานอาหารได้สะดวกระหว่างเดินทาง

Kia EV9 – รถ Kia SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่

Kia EV9 เป็นเรือธงของรถไฟฟ้าจาก Kia ที่ได้รับรางวัลการออกแบบระดับโลก เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางและระยะทางการขับขี่ที่ไกล ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร:

  • ระยะทางไกลกว่า – วิ่งได้ไกลสุดถึง 680 กม. (NEDC) หรือ 505 กม. (WLTP) ต่อการชาร์จ
  • 6 ที่นั่งหรูหรา – เบาะแถวสองแบบ Captain Seats ที่ปรับเอนและหมุนได้ เหมือนนั่งบนเครื่องบินชั้นธุรกิจ
  • ดีไซน์สุดล้ำ – ไฟหน้า Digital Tiger Face, ไฟท้าย Star Map Lighting และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว (GT-Line AWD)
  • กำลังขับสูงสุด – 283 กิโลวัตต์ ในรุ่น AWD ให้การเร่งที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง
  • ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ – ระบบปรับลานจอดอัตโนมัติ Remote Smart Parking Assist

แพลตฟอร์ม E-GMP ทำให้มีพื้นห้องโดยสารเรียบและกว้างขวาง พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่าง V2L (Vehicle-to-Load) ที่จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้ ทำให้ EV9 เป็นมากกว่ารถ แต่เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่สำหรับทุกไลฟ์สไตล์

Kia Sorento – Hybrid และ PHEV ที่มาพร้อม Multi-Terrain Mode

Kia Sorento มอบทางเลือกที่ลงตัวระหว่างความประหยัดและสมรรถนะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแต่ยังไม่พร้อมก้าวสู่รถไฟฟ้า 100% หรือต้องการขับทั้งในเมืองและนอกเมือง:

  • เลือกได้ 2 รูปแบบ – ไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ตามการใช้งาน
  • พละกำลังเหลือเฟือ – 230 แรงม้าในรุ่น HEV และ 265 แรงม้าในรุ่น PHEV
  • Multi-Terrain Mode – ปรับโหมดการขับขี่ได้หลากหลายตามสภาพถนน ทั้ง Eco, Sport, Smart และสำหรับพื้นผิวแบบต่าง ๆ
  • ระยะวิ่งไฟฟ้า – PHEV วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 66 กม. ไม่ต้องใช้น้ำมันในการเดินทางระยะสั้น
  • ประหยัดน้ำมัน – HEV มีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 18.9 กม./ลิตร

ทั้งสองรุ่นราคาเริ่มต้น 1,959,000 บาท มาพร้อมความหรูหราภายในที่รองรับทั้งครอบครัว ด้วยระบบความบันเทิงทันสมัย จอสัมผัส 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน

Kia Carnival – MPV สุดหรู ฟีเจอร์อัจฉริยะ

Kia Carnival ปฏิวัติวงการรถครอบครัวด้วยคอนเซ็ปต์ GUV (Grand Utility Vehicle) ที่ยกระดับจาก MPV ธรรมดาสู่ยานพาหนะที่ผสานความหรูหรา ความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบายไว้ด้วยกัน:

  • เลือกได้ตามขนาดครอบครัว – มีทั้งรุ่น 7 ที่นั่ง (SXL Luxury) และ 11 ที่นั่ง สำหรับครอบครัวทุกขนาด
  • ประตูสไลด์อัจฉริยะ – เปิดเองอัตโนมัติเมื่อยืนใกล้ด้วยกุญแจ Smart Key ช่วยให้ขึ้นลงสะดวกแม้มีสัมภาระเต็มมือ
  • เบาะ Relaxation Seats – เบาะนั่งสุดหรูในรุ่น SXL ที่ปรับเอนได้มากพร้อมที่พักขา ให้ความสบายเหนือระดับ
  • เครื่องเสียง BOSE Premium – ลำโพงคุณภาพสูงที่ให้เสียงกระจายรอบทิศทาง
  • เครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง – Smartstream 2.2 ลิตร ให้แรงบิดสูงถึง 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

ในราคาเริ่มต้น 1,892,000 บาท Carnival มอบพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น ทั้งห้องโดยสารกว้างขวางและพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ พร้อมโปรโมชันพิเศษสำหรับรุ่น SXL Luxury ที่มาพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

ทำไม รถยี่ห้อ Kia จึงคุ้มค่าในระยะยาว

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงควรเลือก รถยี่ห้อ Kia โดยเฉพาะ รถไฟฟ้า Kia แทนที่จะเป็นรถเครื่องยนต์สันดาปธรรมดา หรือรถไฟฟ้าจากแบรนด์อื่น คำตอบคือความคุ้มค่าในระยะยาวที่เห็นได้ชัดเจน:

ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ

รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมาก ทำให้มีโอกาสเสียน้อย และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า:

  • ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง และชิ้นส่วนเครื่องยนต์อื่นๆ
  • ผ้าเบรกมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า เนื่องจากระบบ Regenerative Braking ช่วยลดการใช้เบรกแบบปกติ
  • ระบบส่งกำลังที่เรียบง่ายกว่า ไม่มีเกียร์ซับซ้อน ลดค่าซ่อมบำรุง

เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน 5-7 ปี รถไฟฟ้า Kia จึงประหยัดกว่าในระยะยาว แม้ราคาซื้อตั้งต้นอาจสูงกว่าเล็กน้อย

ความประหยัดพลังงานที่เห็นผลจริง

เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงาน รถไฟฟ้า Kia ประหยัดกว่าการเติมน้ำมันมาก:

  • ค่าไฟฟ้าต่อกิโลเมตรถูกกว่าค่าน้ำมันประมาณ 3-4 เท่า
  • สามารถชาร์จที่บ้านได้ในเวลากลางคืน ใช้อัตราค่าไฟฟ้า off-peak ที่ถูกกว่า
  • หากมีโซลาร์เซลล์ที่บ้าน ยิ่งประหยัดค่าชาร์จได้มากขึ้นไปอีก

ตัวอย่างการคำนวณง่าย ๆ: รถไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าประมาณ 4-5 บาทต่อ 10 กิโลเมตร ในขณะที่รถน้ำมันอาจใช้ถึง 15-20 บาทต่อระยะทางเดียวกัน หากขับรถปีละ 20,000 กม. คุณจะประหยัดได้ 22,000-30,000 บาทต่อปี!

รถ Kia เหมาะกับใครบ้าง?

รถยี่ห้อ Kia ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ด้วยกลุ่มรถที่ครอบคลุมตั้งแต่รถอเนกประสงค์ รถครอบครัว รถไฟฟ้า ไปจนถึงรถสปอร์ต SUV ทำให้มีตัวเลือกที่เหมาะกับแต่ละไลฟ์สไตล์ มาดูกันว่า Kia คันไหนเหมาะกับคุณ:

ครอบครัวที่มีลูกเล็กหรือสมาชิกหลายคน

ครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือมีสมาชิกหลายคนจะชื่นชอบ:

  • Kia Carnivalรถ Kia Carnival เหมาะที่สุดสำหรับครอบครัวใหญ่ มีทั้งรุ่น 7 และ 11 ที่นั่ง ประตูสไลด์อัจฉริยะช่วยให้การขึ้น-ลงสะดวกแม้ในที่จอดแคบ และมีพื้นที่เก็บสัมภาระมากพอสำหรับการพาครอบครัวไปเที่ยวหลายวัน
  • Kia Sorento – ทางเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวขนาด 6-7 คนที่ต้องการความคล่องตัวมากกว่า Carnival แต่ยังคงมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ

คนเมืองที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

คนรุ่นใหม่ที่ต้องการยานพาหนะประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม:

  • Kia EV5 – รถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในเมือง ราคาเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในกลุ่มรถไฟฟ้า Kia
  • Kia Sorento HEV – ทางเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมก้าวสู่รถไฟฟ้า 100% แต่ต้องการลดการปล่อยมลพิษและประหยัดน้ำมัน

นักธุรกิจที่ต้องการความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย

ผู้บริหารและนักธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดูดีมีระดับพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยจะประทับใจกับ:

  • Kia EV9 – รถ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ให้ทั้งความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย เบาะ Captain Seat แถวสองเหมาะสำหรับการประชุมเล็ก ๆ ระหว่างเดินทาง
  • Kia Carnival SXL Luxury – ทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้บริหารที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางและความสบายระดับเฟิร์สคลาส มาพร้อมเบาะ Relaxation Seat หรูหราและระบบเสียง BOSE คุณภาพสูง

ผู้รักการผจญภัยและท่องเที่ยว

คนที่ชอบออกทริปท่องเที่ยวไกล ๆ หรือลุยไปในเส้นทางที่ท้าทายจะเลือก:

  • Kia Sorento PHEV – ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและ Multi-Terrain Mode ทำให้สามารถลุยไปได้ในหลากหลายสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นทางลื่น ทางลาดชัน หรือถนนลูกรัง
  • Kia EV9 AWD – สำหรับสายลุยที่เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้แรงบิดทันที เหมาะกับการเดินทางไกล

ครอบครัวเริ่มต้นหรือคู่รักที่กำลังสร้างครอบครัว

คู่แต่งงานใหม่หรือครอบครัวที่มีลูก 1-2 คน:

  • Kia EV5 – พื้นที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับเด็ก 1-2 คนและอุปกรณ์ต่างๆ มีจุดยึด ISOFIX สำหรับคาร์ซีท
  • Kia Sorento HEV – ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับครอบครัวที่กำลังเติบโต ด้วยที่นั่งแถวที่สามที่พับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน

ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน รถยี่ห้อ Kia ก็มีตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและการรับประกันที่ยาวนาน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รถที่ตอบโจทย์การใช้งานและคุ้มค่าในระยะยาว

บริการหลังการขายที่ครบวงจรจาก Kia ศรีนครินทร์ 

ที่เกียศรีนครินทร์ เราไม่ได้แค่ขาย รถยี่ห้อ Kia คุณภาพเท่านั้น แต่เรายังดูแลคุณตลอดการเป็นเจ้าของรถด้วยบริการหลังการขายที่เกินความคาดหมาย เพราะเราเชื่อว่า “ทุกความวางใจเริ่มต้นที่นี่” และการซื้อ รถ Kia ไม่ใช่แค่จบที่การส่งมอบกุญแจ แต่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างเรากับคุณ

ศูนย์บริการมาตรฐานระดับโลก

เกียศรีนครินทร์มีศูนย์บริการที่ทันสมัยพร้อมเครื่องมือล่าสุดและห้องรับรองลูกค้าที่สะดวกสบาย:

  • บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการอบรมจาก Kia โดยตรง
  • ใช้เครื่องมือวินิจฉัยปัญหาล่าสุดที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ของรถโดยตรง
  • อัพเดทซอฟต์แวร์รถให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

นอกจากนี้ ห้องรับรองลูกค้ายังมีบริการเครื่องดื่ม อินเทอร์เน็ตไร้สาย และพื้นที่ทำงานให้คุณใช้เวลาระหว่างรอรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรับประกันยาวนานและอะไหล่แท้

เกียศรีนครินทร์มอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนาน:

  • รับประกันตัวรถนานสูงสุด 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
  • บริการบำรุงรักษาตามระยะฟรี 5-7 ปี (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
  • รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (สำหรับรถไฟฟ้า/ไฮบริด) นานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
  • คลังอะไหล่แท้ 100% สำหรับรถทุกรุ่น พร้อมให้บริการทันที

สำหรับรถไฟฟ้า ทางศูนย์มีช่างเฉพาะทางด้านระบบไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านการรับรอง พร้อมเครื่องมือพิเศษสำหรับงานซ่อมระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ

บริการเสริมที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

เพื่อให้การเป็นเจ้าของ รถยี่ห้อ Kia เป็นเรื่องง่ายและสะดวก เรามีบริการเสริมพิเศษมากมาย:

  • บริการรถใช้ระหว่างซ่อม (Service Courtesy Car) สำหรับการซ่อมที่ใช้เวลานาน
  • ระบบนัดหมายล่วงหน้าที่สะดวก สามารถจองผ่านแอปได้ง่าย ๆ
  • บริการรับ-ส่งรถถึงบ้านสำหรับลูกค้าในรัศมีที่กำหนด
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ฟรีตลอดระยะเวลารับประกัน

บริการเหล่านี้ช่วยให้คุณยังคงเดินทางได้สะดวกแม้รถจะอยู่ในระหว่างการซ่อม ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

สรุป

รถยี่ห้อ Kia ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะแบรนด์ที่นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย ความปลอดภัยระดับสูง และความคุ้มค่าในระยะยาว ทำให้ รถยี่ห้อ Kia เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ  พร้อมกับบริการหลังการขายที่ครบวงจรจากเกียศรีนครินทร์ ลองแวะไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างได้ที่โชว์รูมเกียศรีนครินทร์ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การซื้อรถ แต่เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนการเดินทางของคุณให้ดียิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

รถไฟฟ้า Kia ชาร์จที่ไหนได้บ้างและใช้เวลานานแค่ไหน?

รถไฟฟ้า Kia สามารถชาร์จได้ทั้งที่บ้าน (ด้วย Wall Box หรือปลั๊กบ้านธรรมดา) และสถานีชาร์จสาธารณะที่มีกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ สำหรับเวลาชาร์จ EV5 และ EV9 รองรับการชาร์จเร็ว DC Fast Charging ที่ชาร์จจาก 10-80% ได้ภายใน 30-40 นาทีเท่านั้น ส่วนการชาร์จที่บ้านด้วย Wall Box 7-11 kW จะใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับชาร์จในเวลากลางคืน

รถยี่ห้อ Kia มีการรับประกันอย่างไรบ้าง?

Kia ให้การรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนาน ประกอบด้วย:

  • รับประกันตัวรถนานสูงสุด 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน)
  • รับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงนานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
  • บริการบำรุงรักษาตามระยะฟรี 5-7 ปี (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ตลอดระยะเวลารับประกัน

ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถไฟฟ้า Kia เป็นอย่างไร?

ค่าดูแลรักษารถไฟฟ้า Kia ต่ำกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปประมาณ 30-40% เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนตามระยะน้อยกว่ามาก (ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมัน หัวเทียน ฯลฯ) ผ้าเบรกก็มีอายุยาวนานกว่าเพราะระบบ Regenerative Braking ช่วยลดการสึกหรอ นอกจากนี้ Kia ยังมีแพคเกจบำรุงรักษาตามระยะฟรี 5-7 ปี ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง

Kia Sorento PHEV กับ HEV ต่างกันอย่างไร ควรเลือกรุ่นไหน?

Sorento PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด) มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 13.8 kWh ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 66 กม. และสามารถชาร์จจากภายนอกได้ ให้กำลังรวม 265 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถชาร์จรถที่บ้านหรือที่ทำงานได้ และต้องการประหยัดน้ำมันในการเดินทางระยะสั้น

ส่วน Sorento HEV (ไฮบริด) ไม่สามารถชาร์จจากภายนอก แต่ระบบจะชาร์จแบตเตอรี่เองระหว่างการขับขี่ ให้กำลังรวม 230 แรงม้า มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันแต่ไม่สะดวกในการชาร์จไฟ ราคาเริ่มต้นเท่ากันที่ 1,959,000 บาท แต่อุปกรณ์และสเปคจะแตกต่างกันเล็กน้อย

Share :

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.